แนะนำ ซีพียูสาย AI รุ่นท็อปขายดี Blue Team

ปัจจุบัน ระบบ AI  เกี่ยวข้องกับชีวิตการทำงานเรามากขึ้น ดังนั้นการทำงานย่อมหนีไม่พ้นการใช้งานคอมพิวเตอร์ที่ต้องการประมวลผลด้วยระบบ AI มากขึ้น หลายคนเริ่มมองหาสิ่งที่ทำงานเฉพาะทางให้มากขึ้น สิ่งแรกที่ต้องนึกถึง แน่นอน คือ หัวใจสำคัญของคอมพิวเตอร์ แน่นอน CPUและ GPU (แต่บทความนี้ขอเน้นเฉพาะ CPU) CPU รุ่นที่น่าสนใจยกตัวอย่างในบทความนี้มีสามรุ่น เป็นรุ่นที่ขายดี คือ
Core Ultra 9‑285K / Core Ultra 7‑265K  / Core Ultra 5‑245K 


รุ่นซีพียู Cinebench R23
(Single‑Core)
Cinebench R23
(Multi‑Core)
Cinebench R24
(Single‑Core)
Cinebench R24
(Multi‑Core)
Core Ultra 9‑285K 2,320–2,386 คะแนน 41,129–41,558 คะแนน 133–145 คะแนน 2,327 คะแนน
Core Ultra 7‑265K 139คะแนน 1,995 คะแนน
Core Ultra 5‑245K 2,084–2,118 คะแนน 25,085–33,842 คะแนน 136 คะแนน 1,518 คะแนน

รุ่นซีพียู P-clock P-Core E-clock E-Core NPU Cores / Threads
Core Ultra 9‑285K 3.7 - 5.5 GHz 8 3.2 - 4.6 GHz 16 13 24/24
Core Ultra 7‑265K 3.9 - 5.5 GHz 8 3.3 - 4.6 GHz 12 13 20/20
Core Ultra 5‑245K 4.2 - 5.2 GHz 6 3.6 - 4.6 GHz 8 13 14/14

Core Ultra 9‑285K โดดเด่นทั้งคะแนน R23 และ R24 ทั้งในด้าน Single‑Core และ Multi‑Core โดยเฉพาะประสิทธิภาพงานหนักและการประมวลผลหลายเธรด
      
 Core Ultra 9‑285K คือซีพียูระดับไฮเอนด์รุ่นล่าสุดที่ออกแบบมาสำหรับอนาคตแห่งการประมวลผล ทั้งการเล่นเกม ตัดต่อ และงาน AI โดยเฉพาะ มาพร้อมสถาปัตยกรรม “Meteor Lake” และชิป NPU (AI Engine) ในตัว ช่วยเร่งการทำงานด้านปัญญาประดิษฐ์ให้เร็วขึ้นหลายเท่า
ในการทดสอบด้วย Cinebench R23 ได้คะแนน multi-core สูงกว่า 41,000 คะแนน ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในซีพียูที่แรงที่สุดในตลาด เหมาะสำหรับเกมเมอร์ สตรีมเมอร์ และนักสร้างคอนเทนต์ที่ต้องการพลังแบบจัดเต็ม พร้อมรองรับ PCIe 5.0 และ DDR5 แบบเต็มรูปแบบ
ถ้าคุณกำลังมองหา CPU ที่ล้ำสมัย พร้อมอนาคต AI — Ultra 9‑285K คือคำตอบ 

Core Ultra 7‑265K มีคะแนนเฉพาะใน Cinebench R24 เท่านั้น เทียบคะแนน Multi‑Core ได้ใกล้เคียงกับ Core i9‑14900K แต่คะแนน Single‑Core ต่ำกว่าคู่แข่ง 


Ultra 7‑265K คือซีพียูรุ่นกลางระดับพรีเมียมจากตระกูล Meteor Lake ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้ยุคใหม่ที่ต้องการทั้งความแรง ประสิทธิภาพด้าน AI และการประหยัดพลังงานในเครื่องเดียว ไม่ว่าคุณจะเป็นเกมเมอร์ นักตัดต่อวิดีโอ หรือนักพัฒนา AI รุ่นนี้ถือเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ามาก
ซีพียูรุ่นนี้มาพร้อมกับโครงสร้าง Hybrid Architecture ที่ประกอบด้วย P-Core (คอร์ประสิทธิภาพสูง) และ E-Core (คอร์ประหยัดพลังงาน) ทำให้สามารถจัดการงานหลากหลายรูปแบบได้ดี และที่สำคัญที่สุดคือการมาพร้อม NPU (Neural Processing Unit) สำหรับประมวลผลงานด้าน AI โดยเฉพาะ เช่น การตัดเสียงรบกวน การปรับภาพอัตโนมัติ และการเร่งการประมวลผลโมเดล Machine Learning
จากการทดสอบ Cinebench R24 พบว่า Ultra 7‑265K ได้คะแนน Multi-core ราว 1,995 คะแนน และ Single-core ประมาณ 139 คะแนน ซึ่งเพียงพอสำหรับงานกราฟิกทั่วไป การเล่นเกมระดับ 1440p และการเรนเดอร์วิดีโอที่ไม่ซับซ้อนมาก หากจับคู่กับการ์ดจออย่าง RTX 4070 หรือ 5070 Ti จะสามารถเล่นเกม AAA ได้สบายในเฟรมเรตสูงในด้านความเข้ากันได้ ซีพียูรุ่นนี้รองรับ DDR5, PCIe 5.0, และการเชื่อมต่ออุปกรณ์ความเร็วสูงที่ช่วยยืดอายุการใช้งานพีซีไปอีกหลายปี อีกทั้งยังมาพร้อมระบบจัดการพลังงานที่ฉลาดขึ้น ทำให้สามารถใช้ได้ทั้งในเครื่องพีซีเดสก์ท็อปและมินิพีซีได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
 

Core Ultras 5‑245K มีคะแนนเฉลี่ย R23 ที่ยอดเยี่ยมในกลุ่มระดับ Mid‑range และค่า R24 ที่สมดุลและคุ้มค่าในแง่ของการใช้พลังงาน


ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวเข้าสู่การประมวลผลแบบ AI อย่างเต็มตัว Intel ได้เปิดตัวซีพียูตระกูล Core Ultra ที่รวมเอาพลังจาก CPU, GPU และ NPU เข้าไว้ในชิปเดียวกัน และหนึ่งในรุ่นที่น่าสนใจที่สุดสำหรับผู้ใช้ทั่วไปและเกมเมอร์ระดับเริ่มต้นถึงกลางก็คือ Intel Core Ultra 5‑245K 
 Ultra 5‑245K มาพร้อมโครงสร้างไฮบริดแบบใหม่จากสถาปัตยกรรม Meteor Lake ที่ประกอบด้วยคอร์ประสิทธิภาพสูง (P-Cores) และคอร์ประหยัดพลังงาน (E-Cores) ซึ่งช่วยให้สามารถรองรับทั้งการใช้งานทั่วไปและการประมวลผลงานหนักได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ยังมี NPU (Neural Processing Unit) สำหรับงาน AI เช่น การประมวลผลภาพเสียง การตัดเสียงรบกวน และงานประมวลผลอัจฉริยะต่างๆ โดยไม่ต้องพึ่งพาการ์ดจอแยก 
 จากผลการทดสอบ Cinebench R23 ทำคะแนน Single-core ได้ประมาณ 2,084–2,118 คะแนน และ Multi-core อยู่ที่ 25,000–33,800 คะแนน ขึ้นอยู่กับระบบที่ใช้ ส่วนใน Cinebench R24 ทำคะแนนได้ประมาณ 136 คะแนน (Single-core) และ 1,518 คะแนน (Multi-core) ซึ่งถือว่าค่อนข้างดีสำหรับซีพียูระดับกลาง
 เมื่อนำไปใช้งานจริง Ultra 5‑245K สามารถทำงานได้รวดเร็วทั้งการใช้งานทั่วไป เช่น เปิดหลายโปรแกรมพร้อมกัน ทำงานเอกสาร สตรีมวิดีโอ ตลอดจนการเล่นเกมระดับ Full HD–1440p ร่วมกับการ์ดจอระดับกลางอย่าง RTX 4060 หรือ 4070 ได้อย่างลื่นไหล 
 จุดเด่นอีกประการคือการรองรับเทคโนโลยีใหม่ เช่น PCIe 5.0, DDR5, และการเชื่อมต่อความเร็วสูง ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถอัปเกรดเครื่องในอนาคตได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนเมนบอร์ด

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เฟต(FET)

คลาสต่างๆของวงจรขยายเสียง

การเปลี่ยนฐานของระบบเลข