ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เมนบอร์ด (Motherboard)



หัวใจหลักที่เชื่อมโยงทุกส่วนของคอมพิวเตอร์

เมนบอร์ด หรือที่บางคนเรียกว่า มาเธอร์บอร์ด (Motherboard), แผงวงจรหลัก หรือเมนบอร์ดคอมพิวเตอร์ เป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งในระบบคอมพิวเตอร์ เปรียบเสมือน กระดูกสันหลัง หรือ ศูนย์กลางระบบประสาท ที่เชื่อมต่อและควบคุมการทำงานของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยประมวลผลกลาง (CPU), หน่วยความจำ (RAM), การ์ดจอ (GPU), ฮาร์ดดิสก์, SSD และอุปกรณ์ต่อพ่วงอื่นๆ เพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น

หน้าที่หลักของเมนบอร์ด

  1. เป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อ: เมนบอร์ดมีซ็อกเก็ตและสล็อตต่างๆ มากมาย เพื่อให้ส่วนประกอบสำคัญของคอมพิวเตอร์สามารถติดตั้งและเชื่อมต่อกันได้ เช่น

    • CPU Socket: จุดสำหรับติดตั้งซีพียู

    • RAM Slots (DIMM Slots): ช่องสำหรับติดตั้งหน่วยความจำ (RAM)

    • PCIe Slots: สล็อตสำหรับติดตั้งการ์ดจอ, การ์ดเสียง, การ์ด Wi-Fi หรืออุปกรณ์เสริมอื่นๆ

    • SATA Ports: ช่องสำหรับเชื่อมต่อฮาร์ดดิสก์ (HDD) และ SSD แบบ SATA

    • M.2 Slots: ช่องสำหรับติดตั้ง SSD M.2 ทั้งแบบ SATA และ NVMe

    • USB Headers: จุดเชื่อมต่อสำหรับพอร์ต USB ที่อยู่ด้านหน้าเคส

    • Fan Headers: จุดเชื่อมต่อสำหรับพัดลมระบายความร้อน

  2. จ่ายพลังงาน: เมนบอร์ดทำหน้าที่กระจายกระแสไฟฟ้าจากเพาเวอร์ซัพพลายไปยังส่วนประกอบต่างๆ ของคอมพิวเตอร์อย่างเหมาะสมและเสถียร

  3. สื่อสารข้อมูล: ทำหน้าที่เป็นเส้นทางหลักในการส่งผ่านข้อมูลระหว่างซีพียู, แรม, การ์ดจอ และอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลต่างๆ ผ่านวงจรไฟฟ้าและชิปเซ็ต (Chipset)

  4. ควบคุมและจัดการ: มีชิปเซ็ต (Chipset) และ BIOS/UEFI (Basic Input/Output System / Unified Extensible Firmware Interface) ซึ่งเป็นเฟิร์มแวร์ที่ฝังอยู่บนเมนบอร์ด ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานพื้นฐานของฮาร์ดแวร์ ตรวจสอบอุปกรณ์เมื่อเปิดเครื่อง (POST) และเป็นตัวกลางระหว่างระบบปฏิบัติการกับฮาร์ดแวร์

ส่วนประกอบสำคัญบนเมนบอร์ด

  • CPU Socket: กำหนดชนิดของซีพียูที่รองรับ (เช่น Intel LGA, AMD AM)

  • Chipset: ชุดชิปที่ทำหน้าที่ควบคุมการสื่อสารระหว่างซีพียู, RAM, PCIe และอุปกรณ์ I/O ต่างๆ เป็นหัวใจสำคัญในการกำหนดคุณสมบัติและความสามารถของเมนบอร์ด

  • RAM Slots (DIMM Slots): ช่องสำหรับติดตั้งแรม มักจะมี 2 หรือ 4 สล็อต รองรับแรมแบบ DDR (ปัจจุบันนิยม DDR4 และ DDR5)

  • PCIe Slots: ใช้สำหรับติดตั้งการ์ดขยายต่างๆ เช่น การ์ดจอ (มักเป็น PCIe x16), การ์ดเสียง, การ์ด LAN, หรือการ์ด NVMe SSD

  • SATA Ports: ช่องสำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบ SATA (HDD, SSD 2.5 นิ้ว)

  • M.2 Slots: ช่องสำหรับติดตั้ง SSD M.2 (ทั้ง SATA และ NVMe)

  • VRM (Voltage Regulator Module): วงจรจ่ายไฟสำหรับซีพียู มีความสำคัญต่อความเสถียรและประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการโอเวอร์คล็อก

  • BIOS/UEFI Chip: ชิปเก็บเฟิร์มแวร์ที่ใช้ในการบูตระบบและตั้งค่าพื้นฐานของฮาร์ดแวร์

  • Back I/O Panel: แผงด้านหลังเมนบอร์ดที่มีพอร์ตต่างๆ สำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอก เช่น USB Ports, LAN Port (Ethernet), Audio Jacks, HDMI/DisplayPort (สำหรับเมนบอร์ดที่มีกราฟิกในตัว)

การเลือกเมนบอร์ดที่เหมาะสม

การเลือกเมนบอร์ดที่ดีคือการเลือกที่ เข้ากันได้กับซีพียูที่คุณจะใช้ และ มีคุณสมบัติที่เพียงพอต่อความต้องการของคุณ โดยมีข้อควรพิจารณาดังนี้:

  1. CPU Socket และ Chipset: ต้องเข้ากันได้กับซีพียูที่คุณเลือกใช้ (เช่น ถ้าเลือก Intel Core i9-14900K ก็ต้องเลือกเมนบอร์ดที่มี Socket LGA 1700 และ Chipset ที่รองรับ)

  2. RAM Type และ Slots: ตรวจสอบว่ารองรับแรมประเภทใด (DDR4 หรือ DDR5) และมีจำนวนสล็อตเพียงพอต่อความต้องการความจุแรมของคุณหรือไม่

  3. PCIe Slots: พิจารณาจำนวนและชนิดของ PCIe Slots ที่จำเป็นสำหรับการ์ดจอและการ์ดเสริมอื่นๆ

  4. Storage Options: ตรวจสอบจำนวน SATA Ports และ M.2 Slots ที่มี เพื่อรองรับอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลของคุณ

  5. Form Factor (ขนาด): เมนบอร์ดมีหลายขนาด เช่น ATX (ขนาดมาตรฐาน), Micro-ATX (ขนาดเล็กลงมา), และ Mini-ITX (ขนาดเล็กที่สุด) เลือกให้เหมาะสมกับขนาดเคสคอมพิวเตอร์ของคุณ

  6. คุณสมบัติเสริม: เช่น Wi-Fi ในตัว, Bluetooth, คุณภาพของชิปเสียง (Onboard Audio), จำนวนพอร์ต USB และคุณสมบัติสำหรับนักโอเวอร์คล็อก

เมนบอร์ดอาจไม่ได้เป็นส่วนประกอบที่ให้ "ประสิทธิภาพ" โดยตรงเหมือนซีพียูหรือการ์ดจอ แต่มันคือ รากฐานที่สำคัญ ที่กำหนดว่าส่วนประกอบอื่นๆ จะสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและเสถียรภาพมากน้อยเพียงใด การเลือกเมนบอร์ดที่ดีจึงเป็นการลงทุนที่สำคัญสำหรับการประกอบคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง. 

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เฟต(FET)

เฟต(FET) เฟทมาจากคำว่า Field Effect Transistor เป็นอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำชนิดหนึ่งคล้ายทรานซิสเตอร์ แต่คุณสมบัติอันพิเศษกว่าทรานซิสเตอร์จึงมีประโยชน์ในด้านการใช้งานนั้นมาก และถูกนำมาใช้งานอย่างกว้างขวาง รูปร่างภายนอกนั้นเหมือนทรานซิสเตอร์ทุกประการ แต่จะแตกต่างกันตรงเบอร์ใช้งานและคุณสมบัติอันพิเศษกว่าทรานซิสเตอร์นั่นเอง                                                                       รูปที่1 ความพิเศษของมันคือ มีค่าอิมพิแดนซ์ทางด้านอินพุตสูงมาก (ทรานซิสเตอร์มีอิมพิแดนซ์ต่ำ) อัตราการทนแรงดันและกระแส สูง และสำหรับเฟทแล้ว การทำงานจะใช้สนามไฟฟ้าควบคุม (ทรานซิสเตอร์ใช้กระแส) เป็นที่มาของคำว่า Field Effect Transistor มีสองแบบด้วยกันคือ แบบพีแชลแน...

คลาสต่างๆของวงจรขยายเสียง

การขยายสัญญาณเสียงให้มีความดังมากขึ้น ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญในวงขยายเสียง และจะต้องนำไปใช้ในการขยายสัญญาณเสียงจากแหล่งกำเนิดต่างกัน ต้องการความดังสัญญาณต่างกันทำให้การจัดวงจรขยายสัญญาณเสียง หรือจัดคลาสของการขยายต่อกัน เพื่อให้เกิดความเหมาะสมในการนำไปใช้งาน และทำให้สัญญาณเสียงที่ได้ออกมามีความชัดเจนไม่ผิดเพี้ยน หรือมีความดังตามต้องการ การจัดคลาสการขยายจัดได้ตามการกำหนดจุดทำงานของวงจรขยาย แบ่งได้เป็น 4 แบบดังนี้ 1.คลาส-เอ(CLASS A) 2.คลาส-บี(CLASS B) 3.คลาส-เอบี(CLASS AB) 4.คลาส-ซี(CLASS C) การจัดวงจรขยายแต่ละคลาสมีจุดทำงานต่างกัน มีลักษณะการทำงานต่างกัน การใช้งานจะต้องเลือกคลาสการขยายให้เหมาะสมถูกต้อง จึงจะทำให้ขยายสมบูรณ์ และมีประสิทธฺภาพสูง วงจรขยายคลาส-เอ(CLASS-A AMPLIFIER) วงจรขยายคลาส-เอ เป็นวงจรขยายที่มีจุดการทำงานอยู่ในช่วงที่เรียกว่า แอกทีฟ คือ ช่วงการทำงานของทรานซิสเตอร์ที่เป็นลิเนียร์ หรือหากเปรียบเทียบก็เหมือนเครื่องยนต์ที่ทำการเร่งเครื่องพร้อมจะรับงานหนักๆได้อยู่ตลอดเวลา วงจรของขยายคลาสเอ จะมีกระแสสงบไหลตลอดเวลาเพื่อให้จุดของการทำงานมีช่วงสวิงของสัญญาณเอาท์พุตไม่ต่ำ...

การเปลี่ยนฐานของระบบเลข

การเปลี่ยนฐานของระบบเลข ในกระบวนการทางดิจิตอลนั้น การติดต่อสื่อสารทางตัวเลข บางครั้ง เมื่อต่างระบบ ค่าตัวเลขก็อาจต่างกัน ระบบหนึ่งอาจใช้เลขฐานสิบ อีกระบบอาจใช้เลขฐานสองในการทำงานในระบบ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องมีการเปลี่ยนเลขฐานเพื่อการติดต่อสื่อสารให้ทั้ง สองระบบเข้าใจกัน  ดังนั้นจึงควรรู้วิธีการเปลี่ยนระบบเลขฐาน เพื่อเป็นความรู้พื้นฐานสำหรับการทำการเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานของระบบ ดิจิตอลในคอมพิวเตอร์ สิ่งสำคัญในการเปลี่ยนฐานนั้น คือ ค่าประจำตำแหน่งของตัวเลขในแต่ละฐาน ซึ่งจะบอกให้เราทราบว่า ผลรวมจากค่าประจำตำแหน่งเป็นค่าจริงเท่าไหร่เมื่อเทียบกับค่าเลขในฐานอื่น ซึ่งค่าประจำตำแหน่งจะเขียนให้อยู่ในเลขยกกำลัง ได้ดังนี้                        ตารางเทียบค่าเลขยกกำลัง                                รูปที่1.ตาราง...