ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ทำไม?แรมบางรุ่นถึงแพงกว่าเมนบอร์ด

 ทำไม “แรม” (RAM) บางรุ่นถึงมีราคาสูงกว่า เมนบอร์ด ทั้ง ๆ ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นอุปกรณ์เล็กกว่าและ “ง่ายกว่า” 


แต่ในความจริงมันมีหลายปัจจัยซ่อนอยู่ ดังนี้:

🔍 1. 

แรมมี “ชิปเมมโมรี” ที่มีต้นทุนการผลิตสูง

  • RAM เป็น ชิปความเร็วสูงระดับนาโนวินาที ต้องมีความเสถียรสูงมาก
  • ใช้ เทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง เช่น DDR5 (ใช้กระบวนการผลิต 10–14 nm)
  • ชิป DRAM ต้องผ่านการคัดคุณภาพ (binning) อย่างเข้มงวด → ยิ่งรุ่นที่ OC (overclock) ได้สูง ยิ่งแพง

🔍 2. 

แรมมีต้นทุนวัสดุและคุณภาพที่ต้องควบคุมเข้ม

  • ใช้ PCB คุณภาพสูงหลายเลเยอร์ เพื่อรักษาสัญญาณความเร็วสูงไม่ให้เกิด jitter หรือ noise
  • มีการเพิ่ม Heatsink/ไฟ RGB/แผ่นทองแดงระบายความร้อน
  • บางรุ่นใช้ ECC, แรมเซิร์ฟเวอร์ หรือ XMP/EXPO Profile → ต้องทดสอบร่วมกับแพลตฟอร์มเฉพาะ

🔍 3. 

เมนบอร์ดมีกลยุทธ์ “ลดราคา” เพื่อขาย CPU / Ecosystem

  • เมนบอร์ดระดับเริ่มต้น – กลางบางรุ่นมีต้นทุนไม่แพง เพราะ:
    • ใช้ชิปเซ็ตระดับล่าง
    • ต้นทุน Bulk ต่ำกว่า
    • ผลิตจำนวนมากจาก OEM จีน

  • ผู้ผลิตเมนบอร์ดมัก ใช้กลยุทธ์กำไรน้อย เพื่อกระตุ้นยอดขาย CPU และแบรนด์ เช่น ASUS, MSI, Gigabyte จะมีรุ่น B660/B550 ที่ขายถูกเพื่อ “ล่อ” ลูกค้าให้ใช้ CPU ของตน

🔍 4. 

แรมเป็นของ “คูณจำนวน” แต่เมนบอร์ดมีแค่ 1

  • คนส่วนใหญ่ต้องใส่แรม 2–4 แถว (Slot) → ผู้ผลิตตั้งราคาให้รองรับ margin มากกว่า
  • เมนบอร์ดมีแค่ 1 ตัวต่อเครื่อง → ถ้าขายแพงเกิน อาจโดนเทียบกับรุ่นอื่นได้ง่าย

🔍 5. 

ตลาดแรมผันผวนตามราคาชิปโลก

  • RAM คือ สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) → ราคาจะขึ้นลงตาม Demand-Supply ของ DRAM chip ทั่วโลก
  • ถ้าผลิต DRAM น้อย (เช่น Samsung, Micron, SK Hynix ลดกำลังผลิต) ราคาจะพุ่งสูงใน 1–2 ไตรมาส
  • ตรงกันข้าม เมนบอร์ดมักไม่ผันผวนมาก เพราะมีกำไรต่ำและสต๊อกเยอะ



✅ สรุป:

แรมแพงกว่าเมนบอร์ดเพราะ:

  1. ใช้ชิป DRAM ราคาสูง + เทคโนโลยีระดับนาโน
  2. มีการคัดเกรดและผลิตแบบ High Precision
  3. เมนบอร์ดมักขายราคาต่ำเพื่อผลัก Ecosystem CPU
  4. แรมเป็นของที่ต้องซื้อเพิ่มจำนวนเสมอ
  5. ราคาผันผวนตามตลาดโลก





โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คลาสต่างๆของวงจรขยายเสียง

การขยายสัญญาณเสียงให้มีความดังมากขึ้น ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญในวงขยายเสียง และจะต้องนำไปใช้ในการขยายสัญญาณเสียงจากแหล่งกำเนิดต่างกัน ต้องการความดังสัญญาณต่างกันทำให้การจัดวงจรขยายสัญญาณเสียง หรือจัดคลาสของการขยายต่อกัน เพื่อให้เกิดความเหมาะสมในการนำไปใช้งาน และทำให้สัญญาณเสียงที่ได้ออกมามีความชัดเจนไม่ผิดเพี้ยน หรือมีความดังตามต้องการ การจัดคลาสการขยายจัดได้ตามการกำหนดจุดทำงานของวงจรขยาย แบ่งได้เป็น 4 แบบดังนี้ 1.คลาส-เอ(CLASS A) 2.คลาส-บี(CLASS B) 3.คลาส-เอบี(CLASS AB) 4.คลาส-ซี(CLASS C) การจัดวงจรขยายแต่ละคลาสมีจุดทำงานต่างกัน มีลักษณะการทำงานต่างกัน การใช้งานจะต้องเลือกคลาสการขยายให้เหมาะสมถูกต้อง จึงจะทำให้ขยายสมบูรณ์ และมีประสิทธฺภาพสูง วงจรขยายคลาส-เอ(CLASS-A AMPLIFIER) วงจรขยายคลาส-เอ เป็นวงจรขยายที่มีจุดการทำงานอยู่ในช่วงที่เรียกว่า แอกทีฟ คือ ช่วงการทำงานของทรานซิสเตอร์ที่เป็นลิเนียร์ หรือหากเปรียบเทียบก็เหมือนเครื่องยนต์ที่ทำการเร่งเครื่องพร้อมจะรับงานหนักๆได้อยู่ตลอดเวลา วงจรของขยายคลาสเอ จะมีกระแสสงบไหลตลอดเวลาเพื่อให้จุดของการทำงานมีช่วงสวิงของสัญญาณเอาท์พุตไม่ต่ำ...

ตัวต้านทานปรับค่าได้(Variable Resistor)

ตัวต้านทานปรับค่าได้(Variable Resistor) ตัวต้านทานปรับค่าได้มีหลายแบบด้วยกัน เช่น แบบหมุนแกน แบบปรับแท็ป แบบทริม และรีโอสตัด                                    รูปที่ 1.สัญลักษณ์ตัวต้านทานปรับค่าได้เมื่อเทียบกับของจริง แบบหมุนแกน(Potentiometer) ตัวต้านทานปรับค่าได้หรือที่เราเรียกกันทั่วไปว่าโวลลุ่ม(volume) ที่เรียกเช่นนี้ก็เพราะว่าส่วนใหญ่พบเจอในเครื่องขยายเสียงแล้วเรียกกันจนติดปาก ความจริงมีให้เห็นกันมากมาย ไม่เฉพาะในเครื่องขยายเสียง เครื่องมือวัดก็ใช้กัน โทรทัศน์รุ่นเก่าๆ เครื่องคุมแสง สี เครื่องจ่ายไฟสำหรับห้องทดลอง เป็นต้น                                                 รูปที่...

เฟต(FET)

เฟต(FET) เฟทมาจากคำว่า Field Effect Transistor เป็นอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำชนิดหนึ่งคล้ายทรานซิสเตอร์ แต่คุณสมบัติอันพิเศษกว่าทรานซิสเตอร์จึงมีประโยชน์ในด้านการใช้งานนั้นมาก และถูกนำมาใช้งานอย่างกว้างขวาง รูปร่างภายนอกนั้นเหมือนทรานซิสเตอร์ทุกประการ แต่จะแตกต่างกันตรงเบอร์ใช้งานและคุณสมบัติอันพิเศษกว่าทรานซิสเตอร์นั่นเอง                                                                       รูปที่1 ความพิเศษของมันคือ มีค่าอิมพิแดนซ์ทางด้านอินพุตสูงมาก (ทรานซิสเตอร์มีอิมพิแดนซ์ต่ำ) อัตราการทนแรงดันและกระแส สูง และสำหรับเฟทแล้ว การทำงานจะใช้สนามไฟฟ้าควบคุม (ทรานซิสเตอร์ใช้กระแส) เป็นที่มาของคำว่า Field Effect Transistor มีสองแบบด้วยกันคือ แบบพีแชลแน...