การใช้งานนั้นแบ่งไว้เป็น 2 ลักษณะการใช้งานคือ ใช้ในวงจรสัญญาณหรือวงจรไฟกระแสสลับ (AC Voltage) และวงจรไฟตรง(DC Voltage) แต่การใช้งานงานทั้งสองลักษณะนี้ก็มีรูปแบบที่ไม่ต่างกัน
รูปที่1
รูปที่1. เป็นลักษณะวงจรที่ใช้ทั่วไป รูปa เป็นการต่อแบบขนานและนำแรงดันตกคร่อมไปใช้งานซึ่งจ่ายให้โหลดคือ RL ,รูปb ต่อแบบอนุกรมกับโหลดโดยตรง ทั้งสองวงจรนี้ใช้ได้ทั้งไฟกระแสสลับและกระแสตรง
รูปที่2.
รูปที่2. เป็นลักษณะวงจรที่ใช้งานทางด้านสัญญาณ(ไฟสลับขนาดเล็ก)เช่นในวงจรขยายเสียงเป็นต้น วงจรนี้เรียกว่าวงจรเรโซแนนซ์ ซึ่งเป็นวงจรจำกัดความถี่บางความถี่เท่านั้นที่ผ่านจากอินพุตไปยังเอาท์พุตได้ สำหรับวงจรด้านล่างของรูปที่2.นั้นสามารถให้ไฟกระแสตรงวิ่งผ่านจากอินพุตไปยังเอาท์พุตได้โดยกำหนดค่าความต้านทานทั้งสองตัวให้สัมพันธ์กัน
รูปที่3.กฎของโอห์ม
ในการนำไปใช้งานนั้นต้องคำนวณค่าความต้านทานให้สัมพันธ์กับกระแสที่โหลดใช้และแรงดันที่จ่าย โดยนำกฎของโอห์มมาใช้ในการคำนวณดังตัวอย่าง
รูปที่4.
จากรูปที่3. สามารถเขียนสูตรสมการได้ดังนี้ V=IxR, R=V/I, I=V/R จากสามสมการนี้เราจะสมมุติโจทย์ขึ้นมาและใช้รูปที่4.อ้างอิงหาค่า
จากรูปที่4.สมมุติแหล่งจ่ายไฟ(V+)มีค่าเท่ากับ 12โวลต์ มีกระแสไหลในวงจร(IL) 10มิลลิแอมป์และโหลดมีค่าความต้านทาน 560 โอห์มจงหาค่า R
จากโจทย์จะหาได้ดังนี้ R=VR/IL และ VR=(V+)-VRLหรือ VR=ILxR
ดังนั้นเราต้องหาแรงดันตกคร่อม RLก่อน
คือ VRL=RLxIL
VRL=560x0.01
จะได้ VRL=5.6Volt
จากค่าแรงดันนี้ หาค่า VR= (V+)-VRL
จะได้ VR= 12v-5.6v
จะได้ VR=6.4v
และหาค่า R ได้ดังนี้ R = VR/IL
จะได้ R= 6.4/0.01
จะได้ R= 640 โอห์ม
จากบทความดังที่กล่าวมานี้ หากใช้งานในทางปฎิบัติจริงๆต้องคำนึงถึงกำลังวัตต์ด้วย เนื่องจาก ตัว
ต้านทานที่มีจำหน่ายจริงๆ มีอัตราการทนกำลังวัตต์ขนาดไม่สูงมากนัก..