เพื่อให้งายต่อการขยายสัญญาณให้ใหญ่ขึ้นทันทีโดยไม่มีความเพี้ยนทางรูปสัญญาณ เนื่องจากสัญญาณเป็นสัญญาณพัลซ์นั่นเอง ไม่เหมือนกับสัญญาณเสียงซึ่งเป็นสัญญาณที่มีการไต่ระดับ(ลิเนียร์) จึงต้องมีวงจรที่ซับซ้อน เพื่อให้สัญญาณไม่เสียรูปทรง หลังจากขยายสัญญาณแล้วก็นำสัญญาณที่ได้กรองเอาแต่ความถี่ที่ต้องการ(ช่วงความถี่เสียง 20Hz-20KHz)ก่อนออกสู่ลำโพง
การทำงานเริ่มโดยนำสัญญาณเสียงจากภายนอกจากอินพุทมาแปลงสัญญาณโดยวงจรเปรียบเทียบสัญญาณ ซึ่งมีสัญญาณฟันเลื่อยเป็นสัญญาณเปรียบเทียบ สัญญาณฟันเลื่อยมาจากวงจรออสซิลเลเตอร์ภายในเครื่อง และผลต่างจากการเปรียบเทียบสัญญาณทั้งสองสัญญาณนี้จะได้เป็นสัญญาณพัลซ์ออกที่เอาท์พุตของวงจรเปรียบเทียบ พัลซ์ที่ได้จะมีความกว้างตามรูปสัญญาณเสียงทางอินพุตที่นำมาเปรียบเทียบ โดยหากเป็นซีกบวกของสัญญาณเสียง พัลซ์จะมีความกว้างมาก หากเป็นซีกลบของสัญญาณเสียง สัญญาณพัลซ์จะมีความกว้างแคบลงดังรูปตัวอย่างที่2
รูปที่1.วงจรเปรียบเทียบสัญญาณและวงจรสร้างสัญญาณฟันเลื่อยหรือเรียกรวมๆอีกอย่างว่าวงจรพัลซ์วิดมอดดูเลเตอร์(PWM)
รูปที่2.รูปสัญญาณเสียงและสัญญาณฟันเลื่อยเปรียบเทียบกันและได้สัญญาณพัลซ์ที่ขาออก
เมื่อได้สัญญาณพัลซ์แล้วก็นำสัญญาณที่ได้มาปรับระดับแรงดันของสัญญาณก่อนส่งต่อให้ภาคเอาท์พุต(หรืออาจกลับสถานะตามแต่วิธีการของนักออกแบบที่ออกแบบภาคเอาท์พุต) ในภาคเอาท์พุตเมื่อขยายสัญญาณแล้วส่วนหนึ่งจะนำสัญญาณขาออกนี้ส่งกลับไปที่ภาคอินพุตอีกครั้งเพื่อเปรียบเทียบสัญญาณ ทำหน้าที่โดยวงจรError Amp. อีกส่วนจะส่งผ่านวงจรกรองความถี่แล้วออกสู่ลำโพง